พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ คือพื้นฐานต่อการเติบโตของเด็กในอนาคต เพราะช่วยให้เด็กเข้าใจความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น จึงเป็นทักษะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย เพราะเด็กปฐมวัยเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้เร็วมาก ๆ ดังนั้น ผู้ปกครองจึงต้องคอยสังเกตและหากิจกรรมเพื่อพัฒนาอารมณ์ของลูกให้แข็งแรง บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจความหมาย พร้อมลิสต์กิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ของลูกกัน!
พัฒนาการด้านอารมณ์ คืออะไร
พัฒนาการทางอารมณ์ (Emotional Development) คือ กระบวนการรับรู้ แสดงออก และจัดการอารมณ์ของตนเองไปตลอดชีวิต รวมถึงการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เกิดและจะพัฒนาต่อเนื่องตามวัย
ปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์ มีอะไรบ้าง
- สภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โรงเรียน หรือชุมชนที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก
- พ่อแม่ เพื่อน และคนรอบข้าง เพราะเด็กสามารถทำพฤติกรรมเลียนแบบคนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว
- วิธีการเลี้ยงลูก เช่น ถ้าครอบครัวที่เลี้ยงดูลูกด้วยหลักการ Positive Parenting เด็กจะมีความมั่นคงทางอารมณ์ที่ดี
- ความเครียด ความกดดัน และความกังวลที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ส่งผลให้เด็กมีอารมณ์ที่ไม่คงที่ อารมณ์โกรธรุนแรง ไปจนถึงมีปัญหาทางจิตใจได้
ทำความเข้าใจพัฒนาการด้านอารมณ์ในแต่ละช่วงวัยของเด็ก
สำหรับพัฒนาการทางอารมณ์ในวัยเด็ก จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงวัยด้วยกัน ซึ่งในแต่ละระยะเวลาก็จะมีการแสดงออกด้านความรู้ และพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ดังนี้
วัยทารก: 0 – 12 เดือน (Infancy)
แสดงอารมณ์ด้วยการร้องไห้ และส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา เริ่มจดจำหน้าตาของพ่อแม่ได้ และตอบสนองกับคนที่รู้สึกคุ้นเคย เช่น การมองและการยิ้ม
วัยเตาะแตะ: 1 – 3 ขวบ (Toddlerhood)
ช่วงเด็กวัยหัดเดินและพูดได้แล้ว จึงเริ่มแสดงอารมณ์ขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ดีใจ สนุก โกรธ และกลัว พัฒนาไปเป็นการโมโหเกรี้ยวกราด หรือร้องไห้หนัก ๆ ได้ เป็นวัยที่เหมาะสมแก่การปลูกทักษะทางสังคมและมารยาทวัยเด็กพื้นฐาน
ปฐมวัย: 3 – 6 ปี (Early Childhood)
เด็กเริ่มมีความฉลาดทางอามณ์ สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ดีขึ้น เริ่มเข้าสังคม ทำงานร่วมกันเป็นทีม ทำความรู้จักเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน และขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่หรือคุณครู

ส่องลักษณะของเด็กที่มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกมี Emotional Development ที่เหมาะสมตามวัย สามารถเช็กพฤติกรรมและลักษณะต่อไปนี้ ที่จะบ่งบอกว่าเขาเป็นเด็กที่อารมณ์ดีและมีความสุข
สนิทสนมกับเพื่อนและคุณครู
เด็กที่มีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่ดี จะสามารถเข้าได้กับเพื่อนร่วมห้อง มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคุณครู รู้สึกสนุกสนานและตื่นเต้นที่ได้ไปโรงเรียน เพื่อเจอเพื่อนสนิท และปรับตัวเข้ากับสังคมแปลกใหม่ได้อย่างยืดหยุ่น
ควบคุมและแสดงอารมณ์ออกมาได้เหมาะสม
ยอมรับและเข้าใจอารมณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้สามารถควบคุม ใจเย็น รู้วิธีแสดงมันออกมาอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์และกาลเทศะ รับมือกับความเครียด ความกดดันได้เก่งกว่าเด็กทั่วไปอีกด้วย
มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
เมื่อเด็กสามารถทำความเข้าใจอารมณ์ของตนเองได้แล้ว แน่นอนว่าเขาก็จะรู้สึกเข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น เขาจะเชื่อมโยง เห็นอกเห็นใจ และตระหนักรู้ในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากกว่าเดิม

พ่อแม่ชวนลูกทำ 5 กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
สำหรับครอบครัวไหนที่ลูกกำลังอยู่ในช่วงวัย 0 – 6 ปี การส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะช่วยส่งเสริมสติปัญญาและการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย 5 กิจกรรมต่อไปนี้จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น!
1. ร้องเพลงและฟังดนตรี
ดนตรีมีความสามารถในการสื่อสารอารมณ์ออกมาได้ดี สามารถสร้างและถ่ายทอดความรู้สึกได้หลากหลายรูปแบบตามแนวเพลง จะช่วยให้เด็กได้ลองทำความเข้าใจอารมณ์ที่ส่งออกมาผ่านเพลงจังหวะต่าง ๆ และเพลิดเพลินไปกับเสียงเครื่องดนตรี รวมถึงรู้สึกเชื่อมโยงกับทำนองของเพลงอีกด้วย
2. ดูหนังและการ์ตูน
ตัวละครต่าง ๆ มักมีนิสัยและการกระทำที่แตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่อาจตั้งคำถามให้ลูกว่า “คิดว่าตัวละครนี้รู้สึกอย่างไร” “ทำไมเขาถึงแสดงออกแบบนี้” หรือ “ถ้าลูกเป็นตัวละครนี้จะเลือกทางไหน” เพื่อให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ และทำความเข้าใจอารมณ์แบบต่าง ๆ พัฒนาเป็นการเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
3. อ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือนิทานนอกจากจะได้เรียนรู้คำศัพท์ และฝึกนิสัยรักการอ่านแล้ว ยังช่วยให้เด็กได้รับรู้อารมณ์ของตัวละคร และถ้าเป็นนิทานอีสปที่ให้ข้อคิดในตอนท้าย จะก็ยิ่งเข้าใจว่าถ้าใช้อารมณ์เหนือเหตุผลมากเกินไป ตัวละครนั้น ๆ ก็จะมีจุดจบที่ไม่สวยงาม หรือไม่สมหวังตามที่คิดไว้
4. เล่นบอร์ดเกม
การเล่นบอร์ดเกมช่วยกระตุ้นทั้งแรงบันดาล ความตื่นเต้น และพัฒนาการทางอารมณ์ เพราะอาจมีความขัดแย้งหรือไม่พอใจระหว่างเล่นเกมกันบ้าง ทำให้เด็ก ๆ จะได้ฝึกควบคุมอารมณ์โกรธ แยกแยะระหว่างการเล่นเกมกับชีวิตจริงให้ออก โฟกัสไปที่วิธีการแก้ปัญหาและเล่นร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
5. การเล่นบทบาทสมมติ (Role-Play)
เพื่อให้เด็กได้เข้าใจวิธีการแสดงออกทางอารมณ์ในสถานการณ์ต่าง ๆ อาจสวมบทบาทเป็นร้านอาหาร บทสนทนาระหว่างลูกค้ากับพนักงานเสิร์ฟ เพราะบางครั้งอาจเกิดข้อผิดพลาดตอนให้บริการ เด็ก ๆ จะได้รู้ว่าควรโต้ตอบกับอีกฝ่ายยังไง เพื่อรักษาน้ำใจและพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง
สรุป
พัฒนาการด้านอารมณ์เป็น 1 ในองค์ประกอบสำคัญ ที่จะช่วยเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตมาอย่างแข็งแกร่ง และเรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งนี้ พ่อแม่คือปัจจัยสำคัญในชีวิตของพวกเขา อย่าลืมทำตัวเป็นแบบอย่างด้านการแสดงอารมณ์ที่ดี เพราะการซึมซับนิสัยและพฤติกรรมที่เหมาะสม จะทำให้พวกเขาเป็นเด็กที่มีคุณภาพ อารมณ์คงที่ และมีความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น
