พ่อแม่หลายท่านคงรู้จัก IQ (Intelligence Quotient) หรือความฉลาดทางสติปัญญา ซึ่งเป็นทักษะที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญ เพื่อความสำเร็จทางด้านวิชาการของเด็ก แต่รู้ไหมว่าความฉลาดอย่างเดียวอาจไม่พอ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะเรียนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเข้าใจและมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ด้วย บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ EQ (Emotional Quotient) หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ ทักษะที่จะช่วยให้ลูกของคุณประสบความสำเร็จและมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น!
ความฉลาดทางอารมณ์ คืออะไร
ความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความสามารถในการรู้เท่าทัน เข้าใจและควบคุมอารมณ์ ทั้งของตนเองและผู้อื่น ตลอดจนการแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างเหมาะสม รู้ว่าสถานการณ์นี้ควรประพฤติตัวอย่างไร หรือใช้คำพูดแบบไหนถึงจะมีมารยาท ช่วยให้เด็ก ๆ ค้นพบวิธีการรักษาความสัมพันธ์กับคนในสังคม และจัดการความเครียดของตัวเองได้ดีขึ้น

ความฉลาดทางอารมณ์ 5 ประการ มีอะไรบ้าง
EQ ถูกบัญญัติขึ้นเป็นครั้งแรกโดย “Daniel Goleman” นักจิตวิทยาและนักข่าววิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งทฤษฎีของเขากล่าวเพิ่มเติมว่า ความฉลาดทางอารมณ์มีองค์ประกอบทั้งหมด 5 ประการ ได้แก่
1. การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness)
การรับรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง เป็นสิ่งที่จะช่วยตอบคำถามที่ว่า ตอนนี้กำลังรู้สึกอย่างไร เพราะอะไรเราถึงรู้สึกแบบนั้น เพื่อยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้นและช่วยให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองด้วย
2. การควบคุมตัวเอง (Self-Regulation)
การควบคุมความคิด สีหน้า ท่าทางหรือการแสดงออกอย่างเหมาะสม ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถรับมือกับสถานการณ์รูปแบบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะคิดทวบทนก่อนจะแสดงความรู้สึกใด ๆ ออกไป ซึ่งความฉลาดทางอารมณ์นี้เป็น 1 ในคุณสมบัติของภาวะความเป็นผู้นำที่ดีอีกด้วย
3. การสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง (Self-Motivation)
ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ ซึ่งเกิดจากการมองโลกในแง่ดีและคิดบวก ช่วยให้เกิดความกระตือรือร้น มั่นใจในความสามารถของตัวเอง และมีกำลังใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นไปตามผลลัพธ์ที่หวังเอาไว้ แม้ว่าจะเกิดอุปสรรคหรือความผิดหวังก็ไม่ท้อถอย
4. ทักษะทางสังคม (Social Skills)
ทักษะทางสังคม คือการสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้คนในสังคม ผ่านการสื่อสาร บุคลิกภาพ และภาษากายที่เหมาะสม ยิ่งมีความเฟรนด์ลี่มากเท่าไหร่ก็จะเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายขึ้นเท่านั้น รวมถึงสามารถปรับตัวให้กับสังคมต่าง ๆ ได้ เช่น สังคมผู้สูงอายุ สังคมทำงาน เป็นต้น
5. ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy)
ความเข้าใจและนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับอะไร และมีเบื้องหลังอะไรที่ทำให้แสดงอารมณ์แบบนั้นออกมา เป็นความฉลาดทางอารมณ์ที่ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบตัว และยอมรับในตัวตนของพวกเขาได้ในที่สุด

ความฉลาดทางอารมณ์ สำคัญต่อการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคตอย่างไร
ช่วยให้ประสบความสำเร็จดังใจหวัง
เด็กที่ฉลาดทั้งวิชาการและอารมณ์ มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน เพราะคิดบวกและให้กำลังใจตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แม้ผิดพลาดก็ไม่โทษตนเอง แต่ทำความเข้าใจในความผิดหวังที่เกิดขึ้น ก้าวผ่านความรู้สึกแย่ ๆ และเริ่มต้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
จัดการกับอุปสรรคและปัญหาได้ดี
เด็กที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จะเกิดความเครียด เพราะไม่รู้วิธีจัดการกับปัญหาตรงหน้าและความรู้สึกลบของตนเอง กลับกันเด็กที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะมีสติมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันหรือการเรียน ก็สามารถหาทางออกได้อย่างใจเย็น และตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่มีอารมณ์มาปะปน
อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
ความฉลาดทางอารมณ์ ช่วยให้เด็กปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี มีความกลมกลืนไปกับสังคม และสามารถอยู่ร่วมกับคนรอบข้างได้อย่างสบายใจ เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ ๆ ก็จะมีความยืดหยุ่น ไม่เครียดง่าย และกล้าเผชิญกับความท้าทายในอนาคต

พ่อแม่อยากปลูกฝังความฉลาดทางอารมณ์ให้กับลูก ต้องทำอย่างไรบ้าง
สำหรับผู้ปกครองท่านใดต้องการฝึกฝนความฉลาดทางอารมณ์ให้กับลูกน้อยตั้งแต่วัยเยาว์ เรามีตัวอย่างวิธีการที่สามารถนำไปทำตามได้เลย ดังนี้
1. สอนให้เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง
เมื่อเด็กแสดงอารมณ์โกรธ หงุดหงิด หรือเสียใจ คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยบอกลูกให้รู้ว่า ตอนนี้ลูกกำลังรู้สึกอย่างไรด้วยการสื่อสารกับเขาอย่างใจเย็น เพื่อให้เด็กได้ทำความเข้าใจ และรับรู้ว่าสิ่งที่กวนใจอยู่ตอนนี้มันคืออะไร จากนั้นเด็กจะค่อย ๆ รู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น และค้นหาวิธีจัดการในแบบของตัวเองต่อไป
2. สอนวิธีจัดการกับความรู้สึกลบ
วิธีการทำให้ใจเย็นและอารมณ์ดีขึ้นมีหลากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็น การนั่งฟังเพลง ออกไปเดินเล่นข้างนอก การนับเลขในใจ หรือสูดหายใจเข้าลึก ๆ อาจจะต้องให้เด็กได้ลองทำด้วยตัวเอง ว่าวิธีไหนเหมาะสมและใช้ได้ผลกับเขามากที่สุด ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกด้วยเช่นกัน โดยการไม่ท่าทีก้าวร้าวหรือพูดจาไม่สุภาพ ขณะที่อารมณ์ไม่ดี
3. สอนให้ลูกเปิดกว้างทางความคิด
ความฉลาดทางอารมณ์ไม่ใช่แค่การควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่รวมถึงการเข้าใจและเปิดรับมุมมองที่หลากหลาย ผู้คนร้อยพ่อพันแม่ย่อมมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน ควรสอนให้ลูกเข้าใจในความแตกต่างของผู้คน ไม่ว่าจะเป็น เพศ เชื้อชาติ หรือวัฒนธรรม รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนอย่างเป็นกลางและไม่ตัดสิน
สรุป
ทั้ง IQ และ EQ เป็นทักษะที่เด็กควรมีควบคู่กันไป เพราะความฉลาดด้านวิชาการ ช่วยให้ลูกมีกำไรชีวิตด้านการเรียนและการทำงานมากขึ้น แต่ความฉลาดทางอารมณ์จะช่วยให้ลูกน้อยพัฒนาตนเองเป็นผู้ใหญ่ที่มีกาลเทศะ เป็นเด็กน่ารัก และเป็นที่ยอมรับของสังคม เมื่อมีทั้งสองสิ่งนี้พร้อมกัน ลูกของคุณก็จะประสบความสำเร็จในทุกมิติของชีวิต มีสภาพจิตใจที่แข็งแรง และสามารถแบ่งบันความสุขไปสู่คนรอบข้างไปอีกด้วย
