การเลี้ยงลูกเชิงบวก ส่งผลต่อความคิดและสภาพจิตใจของเด็กเป็นอย่างมาก การปลูกฝังด้วยทัศนคติที่ดี ลูกก็จะซึมซับสิ่งเหล่านั้นไปจนโต เพราะการอบรมสั่งสอนเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโต เด็กจะเป็นผู้ใหญ่ทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับการสั่งสอนจากพ่อแม่เป็นหลัก ทางที่ดีพ่อแม่ควรเลี้ยงดูลูกด้วยหลักการ Positive Parenting ที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกแข็งแรงทั้งกายและใจ เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต

Positive Parenting คืออะไร
Positive Parenting คือ การเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเข้าอกเข้าใจ ให้กำลังใจในทุก ๆ การกระทำ และสอนลูกเวลาทำผิดอย่างใจเย็น เพราะอยากสนับสนุนให้เด็กเติบโตเป็นคนที่ดี ทั้งการศึกษา พัฒนาการทางร่างกาย สุขภาพจิตที่แข็งแรง ทักษะการเข้าสังคม และมีความสุขในทุก ๆ วัน
การเลี้ยงลูกเชิงบวกนั้นจะตรงข้ามกับการเลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น การทำร้ายร่างกาย การลงโทษ หรือพูดจาทำร้ายจิตใจ ที่จะกลายเป็นแผลในใจของเด็กไปจนโต และทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจ ไม่กล้าเข้าสังคม และไม่อยากสนิทกับพ่อแม่อีกด้วย

Positive Parenting Skills ที่คุณพ่อคุณแม่ควรนำไปปรับใช้
การเลี้ยงดูลูกที่ถูกต้องไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการสอนด้วยความเข้าใจในความเป็นเด็ก โดย Positive Parenting ไม่ได้มีวิธีการที่ตายตัว แต่ต้องไม่รุนแรงและทำให้เด็กรู้สึกเสียกำลังใจ ตัวอย่างเช่น
1. แบบอย่างที่ดี = การเลียนแบบที่ดี
“พ่อแม่เป็นแบบไหน ลูกก็เป็นแบบนั้น” เป็นประโยคที่ไม่เกินจริง เพราะพ่อแม่คือครูคนแรกของลูก ดังนั้น การเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งด้านการกระทำ ความคิด และคำพูด เช่น การพูดขอบคุณ ขอโทษ หรือการควบคุมอารมณ์ เด็กก็จะเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้นเหมือนกับกระจกสะท้อน เพราะถ้าพูดปากเปล่า แต่ไม่สามารถทำอย่างที่สอนลูกได้ เด็กก็จะไม่มีทางเชื่อใจและทำตามคำสอนแน่นอน
2. ตั้งใจรับฟัง
เมื่อลูกตื่นเต้นที่จะเล่าอะไรให้พ่อแม่ฟัง ควรฟังอย่างตั้งใจ ไม่พูดแทรก เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าพ่อแม่คือพื้นที่ปลอดภัย และเปิดใจรับฟังอย่างเต็มที่ และเขาเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น มักจะเกิดความสงสัยมากมายตลอดเวลา พ่อแม่จึงควรฟังและให้คำตอบอย่างช้า ๆ นอกจากนี้ พ่อแม่ที่ดีจะต้องไม่ปิดกั้นความคิดเห็นของลูกด้วย
3. ไม่ตำหนิรุนแรง แต่ค่อย ๆ อธิบาย
เพราะเด็กเพิ่งเกิดมาบนโลกได้ไม่นาน มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย หากเขาทำอะไรผิดพลาด ก็อย่าใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่เปลี่ยนเป็นการอธิบายให้เขาเห็นภาพ ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นส่งผลเสียอะไร แล้วควรทำแบบไหนแทน เป็นต้น

4. ใช้เวลากับลูกบ่อย ๆ
การเลี้ยงลูกเชิงบวกจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็เมื่อพ่อแม่ได้ใช้เวลากับลูกเป็นประจำ แม้ว่าจะเหนื่อยจากงานแค่ไหน ก็ควรแบ่งเวลามาทำกิจกรรมหรือสนทนากับลูกบ้าง ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก็ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ดีมาก ๆ แล้ว
5. ยินดีและชื่นชมทุกความสำเร็จของลูก
Positive Parenting มาพร้อมกับการสื่อสารในครอบครัวที่มีประสิทธิภาพ เมื่อลูกประสบความสำเร็จหรือทำสิ่งดี ๆ ให้กับครอบครัวและสังคม เช่น ช่วยแม่เก็บจาน เก็บขยะข้างทาง หรือแบ่งขนมให้เพื่อน ก็ควรชื่นชมลูกอย่างจริงใจ เพื่อให้เด็กมีกำลังใจและอยากมอบความสุขให้ผู้อื่นไปเรื่อย ๆ
6. รักษาสัญญาในสิ่งที่พูด
คำสัญญาเป็นสิ่งที่พ่อแม่อาจจะเผลอมองข้าม และคิดว่าเด็กคงจำสิ่งที่ตนพูดไม่ได้ แต่ความจริงแล้วเด็กมีความจำที่ดีมาก ๆ และอาจฝังใจไปจนโตหากพ่อแม่ไม่รักษาสัญญา ดังนั้น สัญญาอะไรกับลูกไว้ ก็ต้องทำตามที่พูด เช่น สัญญาว่าจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ถ้าคะแนนสอบดี เป็นต้น
7. สอนให้เด็กรู้จักเห็นใจผู้อื่น
การเลี้ยงลูกแบบ Positive Parenting ไม่ใช่แค่การคำนึงถึงแค่ตัวลูก แต่ต้องปลูกฝังให้เด็กรู้จักเห็นอกเห็นใจคนรอบข้างด้วย รู้จักทำความเข้าใจในหลากหลายและแตกต่างในตัวเพื่อน ๆ แต่ละคน ไม่ด่วนตัดสิน แต่เปิดใจและยินดีที่จะทำความรู้จักร่วมกัน

ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกเชิงบวก มีอะไรบ้าง
ประสบความสำเร็จในการเรียน
Positive Parenting ทำให้เด็กมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น เต็มที่กับการเรียนรู้ และมีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีเยี่ยม จากการที่พ่อแม่เปิดกว้างทางความคิดเห็น ไม่สั่งให้ทำแต่รู้จักให้ลูกตัดสินใจ ส่งเสริมให้ลูกตั้งคำถาม และช่วยหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
เด็กมีสุขภาพจิตที่สดใส
การเลี้ยงลูกเชิงบวก ด้วยถ้อยคำสุภาพและความใจเย็น จะทำให้เด็กมีอารมณ์คงที่ ไม่ก้าวร้าว ไม่หวั่นไหวในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงเรียนรู้วิธีในการแสดงออกที่เหมาะสมกับเพื่อน ๆ และผู้ใหญ่
ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้น
วิธีเลี้ยงลูกด้วยความรัก จะทำให้ลูกรักพ่อแม่และสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างคนต่างซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เมื่อเกิดปัญหาก็คอยให้กำลังใจ หรือหากเกิดเรื่องน่ายินดีก็ชื่นชมต่อกัน
มีความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต
เด็กที่พ่อแม่คอยให้การสนับสนุนที่ดี มีแนวโน้มจะเผชิญกับปัญหาได้ง่ายกว่า เพราะเป็นคนคิดบวก สามารถควบคุมความคิดและอารมณ์ของตนเอง ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการกระทำได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ไม่ปิดกั้นโอกาสของตัวเอง และพร้อมท้าทายกับอุปสรรคต่าง ๆ อีกด้วย
สรุป
กุญแจสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวกคือ การสื่อสารด้วยเหตุและผล อบรมเลี้ยงดูตามวัย เพราะครอบครัวที่อบอุ่น เอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ และเห็นคุณค่าในตัวลูก จะทำให้เด็กประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน โดยที่ไม่ต้องบังคับ ควบคุม หรือกดดันเลย นอกจากนี้ ลูกจะเป็นเด็กที่น่ารักต่อเพื่อน ๆ และคุณครู พร้อมเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและศักยภาพ
