Resilience Mindset เป็นทักษะความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตที่คนไทยอาจยังไม่รู้จักมากนัก แต่ช่วยให้เด็กมีวุฒิภาวะและความสามารถในการจัดการอารมณ์ที่ดี หากเริ่มปลูกฝังตั้งแต่วันนี้ เพราะโลกยุคปัจจุบันต้องเจอกับความท้าทาย จำเป็นต้องรับมือกับอุปสรรคต่าง ๆ ให้ทัน เพื่อปกป้องดวงใจเล็ก ๆ ให้แข็งแกร่ง ซึ่งบทความนี้จะพาผู้ปกครองทุกท่านไปเจาะลึกเพิ่มเติมว่าทักษะ Resilience Mindset คืออะไร และมีวิธีสอนลูกอย่างไรบ้าง
Resilience Mindset ทักษะทางความคิดที่จะติดตัวเด็กไปจนโต
Resilience Mindset คือ ความสามารถของเด็กในการฟื้นตัวเองอย่างรวดเร็ว หลังจากเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต สามารถตกตะกอนสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอและเรียนรู้กับเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา เพื่อพัฒนาตนเอง ปรับตัว และยอมรับความจริงให้ได้มากที่สุด
ความยืดหยุ่นทางความคิด เกิดขึ้นจากอะไร
ทักษะการยืดหยุ่นทางความคิดสามารถสร้างขึ้นมาได้ เมื่อใจมีความแข็งแรง มีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และมีทัศนคติที่ดีต่อสิ่งรอบข้าง รวมถึงอาจเกิดขึ้นเพราะได้เจอกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่ได้เตรียมใจมาก่อน เช่น เข้าโรงเรียนครั้งแรก ย้ายบ้าน หรือต้องย้านห้องและห่างจากเพื่อนสนิท เด็ก ๆ จำเป็นต้องปรับความคิดและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้
ทำไม Resilience Mindset ถึงมีความสำคัญกับเด็ก
ล้มแล้วลุกไว
ไม่จมอยู่กับความทุกข์นาน เจอปัญหาครั้งถัดไปก็จะรับมือได้ดีขึ้น หรือหากสิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามหวังก็จะไม่เสียใจ เข้าใจว่าความรู้สึกลบจะไม่อยู่กับเรานาน สามารถปล่อยวางและเดินไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น
พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ไม่โทษตัวเองเมื่อรับมือกับปัญหาไม่ได้ แต่จะพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นกว่าเดิม เช่น ถ้าคะแนนสอบออกมาไม่ดี ก็จะตั้งใจเรียนหนังสือให้มากขึ้นจะได้สอบผ่าน เป็นต้น
รับมือกับความกดดันได้ดี
เด็ก ๆ ต้องเคยเจอกับความกดดันในการเรียนไม่มากก็น้อย ความยืดหยุ่นทางความคิดจะช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนวิธีคิด กล้าฝ่าฟันความท้าทาย และมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง เข้าใจความซับซ้อนของความรู้สึกได้ดีขึ้น
สร้างภาวะความเป็นผู้นำ
คนที่สามารถจัดการความเครียด ไม่หวั่นกับปัญหาใด ๆ ที่เข้ามา และมองความท้าทายให้เป็นโอกาส เป็นคุณสมบัติของผู้นำที่ดี เมื่อโตไปเป็นผู้ใหญ่ก็มีแนวโน้มจะทำงานในตำแหน่งที่ต้องคุมลูกน้องจำนวนมากได้ดี

ลักษณะของเด็กที่มีความยืดหยุ่นทางความคิด เป็นอย่างไร
1. ยอมรับความเป็นจริง
การยอมรับในสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นองค์ประกอบของทัศนคติ Resilience ที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะเมื่อสามารถทำใจได้แล้ว ก็จะไม่รู้สึกติดค้างหรือดิ้นรนหาวิธีจัดการในปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ มองความผิดพลาดเป็นครู เรามีหน้าที่แก้ไขและปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้พลาดจุดเดิมซ้ำ ๆ
2. รู้จักตัวเองดี
เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้น ทำไมถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น จึงสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี และแสดงออกมาอย่างเหมาะสม มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง รวมถึงกำหนดเป้าหมายในชีวิต เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่กดดัน แต่ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
3. สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี
เด็กที่มี Resilience Mindset มีแนวโน้มจะเข้าใจในมุมมองที่แตกต่าง และยอมรับความคิดเห็นที่ไม่ตรงใจ เปิดกว้างกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ทำให้สนิทกับเพื่อน ๆ ได้ไว และมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นมากขึ้น
4. มองโลกในแง่บวก
มองเหตุการณ์เชิงลบให้เป็นเชิงบวก จะช่วยให้เด็กสามารถนำหน้าคนอื่นไปได้หลายก้าว เพราะไม่จมดิ่งอยู่กับความเศร้า แต่มองหาช่องว่างเพื่อพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสใหม่ ๆ และมีความสุขกับการใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างเต็มที่

4 วิธีเสริมสร้าง Resilience Mindset ให้ลูกของคุณ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มเห็นความสำคัญของแนวคิดที่ยืดหยุ่น แล้วอยากเริ่มต้นปลูกฝังมายเซ็ตให้ลูกตั้งแต่วันนี้ มาดูว่าเทคนิคหรือวิธีการเสริมสร้าง Resilience Mindset มีอะไรบ้าง ไปกันเลย!
1. ไม่ซ้ำเติมข้อผิดพลาดของลูก
เด็กเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ เขาต้องมีเรื่องที่เข้าใจและไม่เข้าใจอีกมากมาย พ่อแม่ไม่ควรตัดกำลังใจลูกด้วยคำพูดลบ ๆ แต่ควรพูดชื่นชมในความพยายามของลูก พร้อมสอนเขาว่าความผิดพลาดคือประสบการณ์ที่ช่วยสอนให้เราโตขึ้น ยิ่งยอมรับมันได้เร็วก็จะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ
2. พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ
พ่อแม่ควรถามความรู้สึกของลูกบ่อย ๆ เพื่อให้เขาเข้าใจและตระหนักรู้ในอารมณ์ของตัวเอง ว่าตอนนี้กำลังเครียดเกินไปหรือเปล่า เมื่อเขารู้ตัวแล้วก็ต้องจัดการอารมณ์ลบเหล่านั้น เพื่อให้เด็กรู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอ นอกจากนี้ การสื่อสารในครอบครัว ช่วยให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น เด็กก็กล้าจะเปิดเผยความรู้สึกกับพ่อแม่มากขึ้นด้วย
3. สนับสนุนการสร้าง Growth Mindset
กรอบแนวคิดแบบ Growth Mindset ทำให้เด็กมองว่าความท้าทายคือแรงผลักดันให้เติบโต พ่อแม่สามารถสนับสนุนลูกด้วยการฝึกให้เขาคิดและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง อาจจะคอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ แต่ปล่อยให้หน้าที่ตัดสินใจเป็นของลูก เพื่อให้พวกเขายอมรับกับผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยตัวเอง
4. พาลูกทำกิจกรรมเพื่อฝึกสมาธิ
Resilience Mindset ที่มีประสิทธิภาพมาจากการอยู่กับปัจจุบัน ดังนั้น พ่อแม่ควรพาลูกทำกิจกรรมที่ช่วยฝึกฝนสมาธิในเด็ก เพื่อไม่ให้กังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากเกินไป เช่น การนั่งสมาธิ เดินเล่นในสวนสาธารณะ อ่านหนังสือ ร้องเพลง วาดรูป เป็นต้น
สรุป
แนวคิดแบบยืดหยุ่นช่วยให้เด็กสามารถก้าวข้ามผ่านความผิดหวังต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน เพื่อน หรือคนรอบตัว สามารถค้นหาวิธีปล่อยวางในแบบของตัวเองได้ เพราะเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอารมณ์ลบ ๆ ไม่มีทางอยู่กับเขาตลอดไป และต้องจัดการปัญหาไม่ให้มากวนใจนาน เท่านี้ลูกของคุณก็จะเป็นเด็กที่สุขภาพใจแข็งแรง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะโถมเข้ามาในชีวิต
