วิชา Phonics คืออะไร ช่วยพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนอย่างไร
November 25, 2025

โฟนิกส์ วิชาพื้นฐานในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของเด็ก

Phonics เป็นชื่อวิชาที่อาจไม่คุ้นหูในหมู่คนไทย แต่เป็นสิ่งที่นักเรียนในโรงเรียนนานาชาติทุกคนจะต้องเรียน หลายคนไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษมีหลักการอ่านออกเสียงของตัวเอง และหากลูกของคุณสามารถทำความเข้าใจได้เป็นอย่างดี ก็จะยิ่งสื่อสารออกมาได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากขึ้นด้วย บทความนี้ดุสิตจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับวิชาโฟนิกส์ ว่ามีความสำคัญอย่างไร แล้วเด็ก ๆ จะต้องเรียนอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

โฟนิกส์ (Phonics) คืออะไร

โฟนิกส์ (Phonics) คือ วิชาที่สอนเด็กให้รู้จักการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ ผ่านการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของเสียงและตัวอักษร ช่วยให้เด็กเข้าใจการออกเสียงที่แตกต่างกัน สามารถแยกแยะคำ และสะกดตัวอักษรในแต่ละคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง 

วิธีการสอนแบบ Synthetic Phonics มีลักษณะเป็นอย่างไร

วิธีสอนการอ่านออกเสียงนั้นมีหลากหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่ในโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอังกฤษ วิชานี้จะนิยมสอนในรูปแบบ “Synthetic Phonics” ซึ่งจะสอนจากหน่วยเสียง (Phoneme) และตัวอักษร (Grapheme) แล้วนำทั้งสองอย่างนี้มาผสมกันเพื่อสร้างเป็นคำ อธิบายเพิ่มติมได้ดังนี้

หน่วยเสียง (Phoneme)

Phoneme คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของเสียง เกิดจากการรวมตัวกันของตัวอักษร จะแค่ตัวเดียว 2 ตัวหรือ 3 ตัวก็ได้ ซึ่ง Phoneme หรือเสียงในภาษาอังกฤษมีมากถึง 44 เสียง

ตัวอักษร (Grapheme)

ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียง ซึ่งเสียง 1 เสียงสามารถแทนด้วยตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ 1 ตัวหรือมากกว่านั้นก็ได้ ตัวอย่างเช่น เสียง /k/ สามารถแทนด้วย Grapheme ได้ทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่ c k -ck และ ch

โฟนิกส์ คือ วิชาที่สอนเด็กให้รู้จักการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ

เนื้อหาในวิชา Phonics สำหรับเด็กปฐมวัย มีอะไรบ้าง 

วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ตามเทคนิค Synthetic Phonics มีหลักการสอนเบื้องต้นดังต่อไปนี้

เรียนรู้เสียงของแต่ละตัวอักษร (Letter Sound)

เด็ก ๆ ต้องเริ่มต้นจากการเรียนรู้ว่าแต่ละตัวอักษร สามารถนำไปผสมและอ่านออกเสียงแบบไหนได้บ้าง แทนการจำแค่ชื่อของตัวอักษรนั้น ๆ 

แบ่งเสียงแต่ละเสียงออกจากกัน (Segmenting Sound)

เมื่อเด็กจดจำเสียงต่าง ๆ ได้แล้ว ต่อมาจะต้องเรียนรู้วิธีการแยกเสียงเดี่ยวออกจากคำต่าง ๆ เช่น “cat” เกิดจาก 3 เสียงด้วยกัน ได้แก่ /k/ /æ/ และ /t/

ผสมเสียงเพื่อสร้างเป็นคำ (Blending Sound)

เป็นหลักการที่ตรงข้ามกับ Segmenting Sound คือการนำเสียงแต่ละเสียงมาผสมกัน เพื่อให้เกิดเป็นคำศัพท์ 1 คำ ตัวอย่างเช่น เมื่อนำเสียง /b/ /ʊ/ /k/ มาผสมกันก็จะกลายเป็นคำว่า “book” เป็นต้น

ทำไมเด็ก ๆ ถึงควรเรียนวิชาโฟนิกส์ 

เพราะวิชา Phonics ช่วยพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียน และการสะกดคำที่ถูกต้อง รวมถึงมีประโยชน์ในสถานการณ์ที่ต้องอ่านศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย เพราะเด็กสามารถจดจำเสียงและตัวอักษรได้อย่างแม่นยำ เวลาอ่านหนังสือก็จะทำความเข้าใจได้เร็ว แถมได้เปรียบด้านการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วอีกด้วย

ทำไมเด็ก ๆ ถึงควรเรียนวิชาโฟนิกส์

พ่อแม่อยากสอนวิชาโฟนิกส์เบื้องต้นให้กับลูก ต้องทำอย่างไร

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ปกติสอนภาษาอังกฤษให้ลูกอยู่แล้ว และอยากเพิ่มเนื้อหาด้านการอ่านออกเสียงเข้าไป ข้อดีคือวิชานี้สามารถสอนได้หลากหลายวิธีการ ตัวอย่างเช่น

1. เล่นเกมคำศัพท์สนุก ๆ 

เด็กปฐมวัยจะมีอะไรสนุกไปกว่าการเล่นเกม โดยเกมที่สามารถเรียนรู้การอ่านออกเสียงไปพร้อมกันได้นั้นมีหลากหลายเกมด้วยกัน ได้แก่

  • I SPY: เป็นเกมทายสิ่งของที่ขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใดตัวหนึ่ง ผู้เล่นจะต้องพูดว่า “I spy with my little eye something beginning with (ตัวอักษร)” ทำให้เด็กได้เรียนรู้ศัพท์ที่หลากหลาย และออกเสียงอย่างถูกต้อง
  • Flashcard: เป็นเกมการ์ดที่เหมาะแก่การฝึกจดจำศัพท์ และยังสามารถฝึกให้ลูกออกเสียงศัพท์ที่ตรงกับภาพบนการ์ดด้วย

2. อ่านนิทานให้ลูกฟัง

ลองซื้อหนังสือนิทานภาษาอังกฤษมาให้ลูกลองอ่านก่อนนอน โดยปล่อยให้ลูกเป็นคนเล่าเอง หรือให้ลูกอ่านออกเสียงตามพ่อแม่ก็ได้ ได้ทั้งความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เด็กไปในตัวด้วย

3. เรียนผ่านคลิปวิดีโอไปพร้อมกับลูก

สมัยนี้เด็กสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ได้หลากหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ ยูทูบ หรือแอปพลิเคชันสอนภาษา กิจกรรมที่ง่ายที่สุดคือเปิดวิดีโอสอน Phonics ไปพร้อมกับลูก ลองให้ลูกพูดตามคลิป หรือทายศัพท์ต่าง ๆ เพราะปัจจุบันมีคลิปมากมายบนโลกออนไลน์ที่เนื้อหาดี สั้น กระชับ ใช้เวลาเรียนไม่นาน ทำให้เด็กไม่รู้สึกเบื่อเร็ว ยิ่งถ้ามีการ์ตูนน่ารัก ๆ ประกอบ ก็จะดึงดูดความสนใจได้ดีขึ้น

สรุป

เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้วิธีการออกเสียงได้อย่างแม่นยำ วิชา Phonics จึงควรสอนโดยคุณครูที่เชี่ยวชาญในสายนี้โดยตรง ซึ่งโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส ดุสิต เราคัดเลือกคุณครูที่มีประสบการณ์การสอนที่มั่นใจได้ และเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ของเด็กเป็นอย่างดี และด้วยขนาดห้องเรียนที่เล็ก ทำให้ครูสามารถแบ่งกลุ่มตามระดับทักษะ และออกแบบวิธีการสอนให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนได้อย่างแท้จริง

General Enquiries : +66 (0) 2668 6231