Eco-friendly ไม่ใช่แค่คำฮิตติดปากแต่เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกควรหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ด้วยปัญหาที่เกิดจากภาวะโลกร้อนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากใช้ชีวิตแบบทำร้ายโลกต่อไป อาจส่งผลต่อคนรุ่นหลังหรือก็คือลูกหลานของคุณในอนาคตได้

การอนุรักษ์โลกและใส่ใจถึงความยั่งยืน (Sustainability) เป็นสิ่งที่ St. Andrews Dusit ตั้งใจปลูกฝังนักเรียนเสมอมา นอกจากการปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับแนวคิด Global Citizen แล้ว ดุสิตยังออกแบบกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ เพื่อเสริมความรู้เกี่ยวกับ Eco-friendly ให้กับเด็ก ๆ ซึ่งบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเห็นความตั้งใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมของดุสิตมากยิ่งขึ้น!

Eco-friendly คืออะไร?

Eco-friendly แปลว่า “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” หรือก็คือแนวคิดที่พูดถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ ไม่สร้างมลพิษ การกำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธี ไปจนถึงการปลูกป่าทดแทน เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับโลก

เหตุผลที่ควรปลูกฝังแนวคิด Eco-friendly ตั้งแต่เด็กปฐมวัย

ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อเด็กที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ฝุ่น PM 2.5, ไฟป่า, น้ำท่วม และการขาดแคลนน้ำสะอาด การสอนให้เขาใส่ใจสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้เด็กมีจิตสำนึกและรักธรรมชาติมากขึ้น

สร้างนิสัยที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

หากคุณพ่อคุณแม่สอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งการลดการใช้ถุงพลาสติก, แยกขยะก่อนทิ้ง, ปลูกต้นไม้ หรือรีโซเคิลสิ่งของ นิสัยดี ๆ เหล่านี้ก็จะติดตัวพวกเขาไปจนโต ลองคิดดูว่าถ้ามีเด็กล้านคนทำแบบนี้ ก็จะช่วยปกป้องโลกกลม ๆ ของเราได้มากเลยทีเดียว

ลดโอกาสเจ็บป่วย

เพราะมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สุขภาพของเด็กอ่อนแอลงได้ จากการสูดดมอากาศที่สกปรก ดื่มน้ำที่ไม่สะอาด หรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี อาจทำให้ลูกเจ็บป่วยหนักตั้งแต่ปฐมวัย และเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงได้ด้วย

Eco Warriors ผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่ง St. Andrews Dusit

St. Andrews Dusit เรามีเหล่าผู้พิทัพษ์หรือ “Eco Warriors” เป็นชุมนุมนักเรียนประมาณ 20 คน ที่จะคอยสังเกตการณ์และริเริ่มกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน เช่น การลดขยะอาหาร รณรงค์การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เพื่อช่วยให้โรงเรียนกลายเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับบุคลากรทุกคน

อยากเป็น Eco Warriors ต้องทำอย่างไร?

สามารถสมัครผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ได้ในทุก ๆ ปี ซึ่งในปี 2025 นี้ ทางโรงเรียนจะคัดเลือก Eco Warriors เพียง 1 คนต่อ 1 ชั้นเรียนเท่านั้น และนักเรียนจาก Year 1 ก็สามารถเข้าร่วมชุมนุมนี้ได้เช่นกัน

ผลงานของ Eco Warriors ตามแนวคิด Eco-friendly มีอะไรบ้าง?

มาดูกันดีกว่าว่าผลงานของเหล่า Eco Warriors ในปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมอะไร และช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติภายในโรงเรียนได้อย่างไรบ้าง

1. กิจกรรม Healthy Eaters ลุ้นรับต้นไม้ไปปลูกที่บ้าน

Eco Warriors จะแจกตั๋ว Healthy Tickets ที่โรงอาหารทุกวัน ใครที่ได้ตั๋วพิเศษก็จะถูกนำไปใส่โหลสำหรับจับรางวัลในทุกวันศุกร์ โดยรางวัลก็คือรับต้นไม้ที่ปลูกบน Rooftop ของโรงเรียนกลับบ้านได้เลย

2. กิจกรรม Zero Wasters ค้นหาบ้านที่เหลือขยะอาหารน้อยที่สุด

เด็ก ๆ ที่อยู่ใน House System หลังต่าง ๆ จะต้องแข่งขันกันผ่านการรับประทานอาหารจนหมด และไม่เหลือขยะอาหาร โดยจะนับคะแนนจากลูกปิงปองที่ทีม Eco Warriors และบุคลากรใส่ในกล่องตัวแทนบ้านแต่ละหลัง ซึ่งคะแนนทั้งหมดจะถูกนำไปรวมกับคะแนนประจำบ้านในทุกเช้าวันศุกร์

3. มื้ออาหาร Meat Free Meals ปลอดเนื้อสัตว์ทุกชนิด

ลดมลพิษจากกระบวนการแปรรูปเนื้อสัตว์ ด้วยกิจกรรม Meat Free Meals อาหารกลางวันที่ปราศจากเนื้อสัตว์เดือนละครั้ง โดยปกติแล้วจะกำหนดให้เป็นวันจันทร์ 

4. จัดเตรียม Repurposing Bins 

Eco Warriors จะจัดเตรียมถังขยะรีไซเคิล เพื่อคัดแยกสิ่งของที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ก่อนจะนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล เช่น กระดาษแข็ง พลาสติก และกระดาษสี 

5. กิจกรรมต่อยอดขยะพลาสติกร่วมกับ Precious Plastics 

ทีม Eco Warriors จะรวบรวมฝาขวดพลาสติก และร่วมมือกับ Precious Plastics องค์กรไม่แสวงผลกำไร (NGO) เพื่อนำฝาขวดไปทำเป็นป้ายห้องสมุด และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยจะมีกล่องสำหรับบ้านแต่ละหลังเตรียมไว้ให้บริเวณจุดต่าง ๆ

รู้จักหลักการ 4R ตามแนวคิด Eco-friendly ที่พ่อแม่ควรสอนให้ลูกใช้ในชีวิตประจำวัน

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากเริ่มปลูกฝังลูกให้รู้จักอนุรักษ์ธรรมชาติ สามารถลองนำหลัก 4R ไปสอนพวกเขา ซึ่งนี่เป็นวิธีลดขยะให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ประกอบไปด้วยหลักการ 4 ประการด้วยกัน ได้แก่

Reduce – ลด

บอกลูกให้ลดการใช้ถุงพลาสติก และเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทน ปิดน้ำและไฟเมื่อไม่ใช้งาน รวมถึงพกขวดน้ำแทนการซื้อขวดพลาสติก

Reuse – ใช้ซ้ำ

สอนให้ลูกใช้ถุงหรือกล่องพลาสติกที่มีอยู่ซ้ำ ๆ ใช้งานกระดาษให้ครบทั้งสองด้านก่อนทิ้ง หรือเก็บกล่องพัสดุไว้สำหรับแพ็กของในภายหลัง

Recycle – แยกขยะที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้

ก่อนทิ้งขยะ ควรสอนให้ลูกแยกขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น พลาสติด ขวดแก้ว กระดาษ หรือเศษเหล็กต่าง ๆ เพื่อให้โรงงานนำวัสดุเหล่านี้ไปผลิตซ้ำเป็นของชิ้นใหม่

Repair – ซ่อมแซม

แทนที่จะทิ้งของที่ใช้งานไม่ได้แล้วทันที ลองหาวิธีซ่อมแซมก่อน เช่น จักรยานเก่า โต๊ะไม้เก่า และเย็บเสื้อผ้าที่ขาด นอกจากจะช่วยลดขยะแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะอีกด้วย

สรุป

นอกจากนี้วิธีข้างต้น คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างนิสัยอนุรักษ์ให้กับลูก โดยการพาพวกเขาไปสัมผัสธรรมชาติบ่อย ๆ เพื่อให้เด็กเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือจะลองปลูกต้นไม้ร่วมกับลูก เพื่อให้เขารับรู้ว่ากว่าจะเป็นต้นไม้สักต้น ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เท่านี้เขาจะเข้าใจความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้โลกสามารถอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน