การวาดรูประบายสีช่วยพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้
July 30, 2025

แจก 5 เคล็ดลับเสริมความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็ก

ถ้าพูดถึงกิจกรรมที่เด็ก ๆ หลายคนชื่นชอบ ก็คงหนีไม่พ้นการดูการ์ตูน การเล่นเกม วาดรูป หรือการได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ นอกจากได้ความสนุกสนานกลับไปแล้ว ยังมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของวัยเด็กตามมาด้วย นั่นก็คือ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่ผู้ปกครองอาจเผลอมองข้ามไป แต่รู้หรือไม่ว่าจินตนาการนั้นสำคัญไม่แพ้กับองค์ความรู้ในตำราเลย เพื่อให้ลูกน้อยของคุณมีสุขภาพจิตที่ดี และมีทักษะการเข้าสังคมที่ดียิ่งขึ้น บทความนี้จึงจะมาบอกเคล็ดลับพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านได้อ่านกัน!

Content Highlight

  • ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เด็กค้นพบวิธีการใหม่ ๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะไม่ถูกบังคับให้คิดแค่ในกรอบหรือตามระบอบเดิม ๆ 
  • การเรียนแบบ Play-based Learning ช่วยกระตุ้นความสร้างสรรค์ในตัวเด็กได้ เพราะกิจกรรมถูกออกแบบตามความชอบของเด็กโดยตรง นอกจากนี้ยังไม่มีกติกาหรือข้อกำหนดในการเล่น เด็ก ๆ จะได้อิสระในการเรียนรู้อย่างเต็มที่มากที่สุด
  • คุณพ่อคุณแม่ควรสนับสนุนจินตนาการของลูก ด้วยการทำสิ่งที่ชอบร่วมกันกับลูกและพูดถ้อยคำที่เสริมสร้างกำลังใจ จะทำให้เด็กรู้สึกสนุกสนาน ผ่อนคลาย และกล้าคิดนอกกรอบมากขึ้น
ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการคิดออกนอกกรอบที่ช่วยให้เด็กมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

ความคิดสร้างสรรค์ คืออะไร

ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการคิดออกนอกกรอบเดิม ๆ โดยอาจพัฒนามาจากความรู้ที่เคยร่ำเรียนมา หรือประสบการณ์ที่เคยพบเจอ จากนั้นประมวลผลและประยุกต์ออกมาเป็นชุดความคิดใหม่ ๆ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์นี้สามารถกลายเป็นชุดความคิดต้นแบบ (Originality) ที่สามารถนำไปต่อยอดแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นได้อีกด้วย

ความคิดสร้างสรรค์ มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กอย่างไรบ้าง

  • สมองแข็งแรงขึ้น เพราะการคิดออกนอกกรอบเป็นการคิดในสิ่งที่ไม่ซ้ำเดิม เด็ก ๆ จะต้องจินตนาการให้กว้างไกลกว่าแนวคิดที่มีอยู่แล้วบนโลกนี้ ทำให้สมองได้พัฒนาระบบประสาทและระบบความคิดอย่างสม่ำเสมอ
  • มีทักษะการแก้ปัญหาที่ดี ปัจจุบันมีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายที่ต้องเด็ก ๆ รับมือ เด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงจึงมีแนวโน้มจะแก้ปัญหาได้ดีกว่า เพราะค้นพบวิธีใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นและปรับตัวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
  • กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น จินตนาการทำให้เด็กอยากรู้อยากเห็นว่า ถ้าเป็นแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือต้องทำยังไงให้สิ่งนั้น ๆ ออกมาเหมือนภาพในหัว ซึ่งช่วยส่งเสริมทักษะ Lifelong Learning หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี 
  • เด็กอารมณ์ดี ไม่เครียดง่าย การท่องจำหรือปฏิบัติตามหลักทฤษฎีมากเกินไป อาจทำให้เด็กรู้สึกเครียด กดดันและไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่การได้ลองคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ แบบไร้ข้อจำกัด คิดอะไรก็ได้ตามใจชอบ จะทำให้เด็กมีความสุข ผ่อนคลาย และพึงพอใจกับการใช้ชีวิตมากขึ้น
  • เสริมทักษะการเข้าสังคม การคิดออกนอกกรอบจะส่งเสริมความมั่นใจและความกล้าแสดงออกในตัวเด็ก จากการได้จินตนาการถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยให้เด็กรู้จักคุณค่าในตัวเองและส่งต่อพลังบวกที่ดีไปหาคนรอบตัว อีกทั้ง ยังช่วยให้ทักษะการสื่อสารดีขึ้นด้วย

ตัวอย่าง 5 กิจกรรมที่ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็ก

จินตนาการที่ดีจะทำให้เด็กมีความสุขและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง มาดูกันว่าจะมีกิจกรรมหรือหลักสูตรของโรงเรียนนานาชาติอะไรบ้าง ที่สามารถส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัยได้

การวาดรูประบายสีช่วยพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้

วาดรูป ทำงานคราฟต์

การวาดรูป ถือเป็นกิจกรรมพื้นฐานสำหรับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เพราะสามารถออกแบบกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ เช่น วาดภาพต่อจากคนอื่นให้กลายเป็นเรื่องราว วาดรูปโดยใช้รูปทรงเลขาคณิต วาดรูปบ้านในฝัน เป็นต้น นอกจากนี้ การทำงานคราฟต์อย่างเปเปอร์มาเช่ (Paper Mache) ร้อยลูกปัด ถักไหมพรม หรือผลิตของเล่นจากขวดน้ำ ก็ถือเป็นผลงานความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปให้เด็กเล่นตามได้ง่าย ๆ อีกด้วย

เล่นบทบาทสมมติกับเพื่อน ๆ 

เป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ สามารถทำร่วมกับเพื่อน ๆ ในห้องเรียน โดยคุณครูอาจกำหนดเรื่องราวขึ้นมาและให้เด็ก ๆ ช่วยกันออกแบบตอนจบของเรื่องด้วยตัวเอง หรือเสริมเติมแต่งเรื่องราวลงไป เพื่อให้บทละครสนุกและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

การเต้นและร้องเพลง

คุณครูอาจแต่งทำนองเพลงขึ้นมาหนึ่งเพลง จากนั้นมอบหมายให้เด็ก ๆ แต่ละกลุ่มคิดเนื้อเพลงสั้น ๆ พร้อมท่าเต้นประกอบ ไม่จำเป็นต้องกำหนดหัวข้อเพลง ให้พวกเขาคิดค้นตามจินตนาการได้เลย เป็นอีกวิธีที่ช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็ก ๆ ได้ เพราะได้ถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้ผ่านเนื้อเพลงหรือท่าเต้น ทำให้สนุกสนานไปกับเพื่อนร่วมห้อง แถมยังได้ฝึกการนำเสนอต่อหน้าคนจำนวนมากด้วย

Play-based Learning ช่วยดึงความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็กออกมาอย่างเต็มที่

พาไปทัศนศึกษา เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น

แค่กิจกรรมภายในห้องเรียนหรือที่บ้านอาจไม่เพียงพอต่อการเติมสีสันให้กับเด็ก ๆ ดังนั้น การพาเขาไปเปิดหูเปิดตาด้วยการทัศนศึกษา จะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ และได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวมากยิ่งขึ้น เช่น พาไปสวนสัตว์ อความเรียม พิพิธภัณฑ์ หรือสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ จะช่วยกระตุ้นความรู้ความเห็นและความสงสัย จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ได้เช่นกัน

การเรียนรู้แบบ Play-based Learning 

การเรียนรู้ผ่านการเล่นเปิดโอกาสให้เด็กสามารถออกแบบกิจกรรมได้ตามความสนใจ และไม่มีวิธีการเล่นแบบตายตัว เด็ก ๆ จึงสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ คุณครูสามารถปล่อยให้เด็กเรียนรู้และค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง เพราะไม่มีกฎหรือกติกาใด ๆ บังคับ ตัวอย่างกิจกรรมเช่น การต่อบล๊อก การปีนป่ายเครื่องเล่น การทำอาหารจำลองจากใบไม้ และอีกมากมาย

ที่โรงเรียนนานาชาติ St. Andrews Dusit สนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนเรียนรู้อย่างสนุกสนานและมีเป้าหมาย มีกิจกรรมหลากหลายที่ผสมผสานการเล่นและการเรียนรู้ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาการอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม ไปจนถึงสานต่อความคิดสร้างสรรค์ ให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต

คุณพ่อคุณแม่ที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของลูก จะทำให้เด็กมีความสุข

5 วิธีเสริมสร้างทักษะความคิดสร้างสรรค์ในตัวลูก ฉบับครอบครัว

1. สนับสนุนความสนใจของเด็ก

ถ้าลูกของคุณมีความสนใจในเรื่องได้ ควรให้การสนับสนุนพวกเขา ไม่ว่าจะเรื่องดนตรี ศิลปะ หรือกีฬา เพราะการที่เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ จะทำให้ตัวเขาเกิดความคิดสร้างสรรค์มากมาย และสนุกที่จะได้จินตนาการสิ่งต่าง ๆ เช่น ลูกของคุณชอบวาดรูป พ่อแม่ก็อาจวาดรูปเป็นเพื่อน หรือพยายามลองให้ลูกออกแบบของวิเศษต่าง ๆ ที่สามารถช่วยโลกมนุษย์ให้สงบสุขยิ่งขึ้น เป็นต้น 

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ห้ามจำกัดกรอบความคิดของลูก เพราะจินตนาการของเด็กนั้น อะไรก็เป็นไปได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ การใช้คำพูดขัดขวางความสร้างสรรค์ของลูก จะเขาสูญเสียความมั่นใจและไม่กล้าคิดออกนอกกรอบอีกเลย ควรเลือกสื่อสารด้วยถ้อยคำที่ให้กำลังใจและซัพพอร์ตความคิดของเด็กมากที่สุด

2. ตั้งคำถามแบบ “What if…” กับลูกบ่อย ๆ 

การตั้งคำถาม “จะเป็นยังไงถ้า…” ซึ่งเป็นคำถามปลายเปิดและไม่มีคำตอบตายตัว ถือเป็นวิธีช่วยต่อยอดจินตนาการของเด็กได้เหมือนกัน ตัวอย่างคำถามเช่น 

  • “จะเป็นยังไงถ้าโลกนี้ไม่มีแสงสว่าง” 
  • “จะเป็นยังไงถ้าเราเข้าใจสิ่งที่สัตว์พูดทุกอย่าง” 
  • “จะเป็นยังไงถ้าโลกนี้เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์” 

3. อ่านหนังสือไปพร้อมกับลูก

การอ่านหนังสือนอกจากช่วยฝึกนิสัยรักการอ่านให้ลูกแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และมีความรู้ติดตัวเยอะขึ้น เช่น คำศัพท์ วลี หรือเกร็ดความรู้ต่าง ๆ โดยแนะนำเป็นหนังสือที่มีภาพประกอบ และพยายามตั้งคำถามต่าง ๆ ในระหว่างที่อ่านหนังสือกับลูก โต้ตอบกับพวกเขาบ่อย ๆ จะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาและการคิดวิเคราะห์อีกด้วย

4. พาลูกออกไปเที่ยวข้างนอก

การพาลูกไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ หรือออกนอกบ้านบ่อย ๆ ช่วยเพิ่มความรู้อยากเห็น เด็กเห็นอะไรก็สามารถจินตนาการต่อเป็นเรื่องราวได้ หรือสงสัยอะไรก็ถามตอบกับคุณพ่อคุณแม่ ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้น นอกจากนี้ ประสบการณ์จากการท่องเที่ยวช่วยให้เด็กได้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ และรู้จักสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ยิ่งพัฒนาให้ความคิดสร้างสรรค์กว้างไกลมากขึ้นกว่าเดิม

สรุป

ทักษะความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกจำกัดไว้ ผู้ใหญ่ทุกคนควรให้เด็กได้ปลดปล่อยจินตนาการและใช้มันได้อย่างเต็มที่มากที่สุด จริงอยู่ว่าวิชาการช่วยให้เราแก้ปัญหาและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งความสร้างสรรค์นี่แหละที่เป็นตัวช่วยลับ ที่จะทำให้เด็กมีไหวพริบและมีความสามารถในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคต