Problem-based Learning เน้นวิธีการแก้ปัญหาในเชิงทฤษฎี ไม่ต้องสร้างแบบจำลอง
September 26, 2025

การสอนแบบ Problem-based Learning ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กอย่างไรบ้าง

ประเด็นปัญหารอบตัว ไม่ว่าจะในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเด็กแต่อย่างใด กลับกันคุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้ลูกน้อยเข้าใจปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้เขาเติบโตไปเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) ที่สามารถรับมือ แก้ปัญหา และขับเคลื่อนโลกให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งแค่ฝั่งครอบครัวอย่างเดียวอาจไม่เพียง ทางโรงเรียนนานาชาติก็ต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก ๆ ผ่านการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นตัวตั้งต้นหรือ “Problem-based Learning (PBL)” มาเจาะลึกไปพร้อมกันว่า PBL คืออะไร และสามารถช่วยให้เด็กได้ทักษะอะไรที่จำเป็นต่อการเติบโตในอนาคต

Content Highlight

  • Problem-based Learning เป็นการเรียนรู้ที่ฝึกฝนให้เด็ก ๆ ได้ทดลองแก้ไขปัญหา และประยุกต์ใช้ความรู้จากหลากหลายวิชามาบูรณาการเป็นคำตอบ
  • หากเทียบกับ Project-based Learning แล้ว การเรียนรู้แบบ Problem-based จะใช้เวลาทำกิจกรรมสั้นกว่า เพราะไม่ต้องสร้าง Prototype ขึ้นมา 

การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการแก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกันเป็นทีม การคิดวิเคราะห์ และความรับผิดชอบในการเรียนรู้

Problem-based Learning เป็นวิธีการเรียนที่ใช้ปัญหารอบตัวเป็นฐาน

ทำความรู้จัก Problem-based Learning

Problem-based Learning คือ วิธีการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นหนึ่งในการเรียนรู้ที่มีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง เพราะหัวข้อการเรียนรู้จะมาจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้เรียนโดยตรง หรือมาจากประเด็นทางสังคมที่เด็ก ๆ สนใจก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการตั้งโจทย์ และสามารถนำองค์ความรู้จากวิชาต่าง ๆ มาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาได้ด้วย ซึ่งรูปแบบการเรียนรู้จะเป็นรูปแบบกลุ่ม เพราะต้องการให้นักเรียนได้ร่วมมือและช่วยค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน 

Project-based Learning กับ Problem-based Learning แตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของการเรียนรู้โดยใช้ “โปรเจกต์” เป็นฐาน กับการเรียนรู้โดยใช้ “ปัญหา” เป็นฐานอยู่ที่ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ โดย Project-based Learning ผู้เรียนจะต้องประดิษฐ์แบบจำลองและพัฒนาตัวต้นแบบ (Prototype) รวมถึงมีการทดสอบเพื่อลองแก้ไขปัญหาจริง ๆ แต่สำหรับ Problem-based เน้นไปที่การได้รับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ฝึกวิธีการคิดอย่างสร้างสรรค์มากกว่า

  • Project-based Learning เน้นวิธีการแก้ปัญหาในเชิงปฏิบัติ
  • Problem-based Learning เน้นวิธีการแก้ปัญหาในเชิงทฤษฎี
Problem-based Learning เน้นวิธีการแก้ปัญหาในเชิงทฤษฎี ไม่ต้องสร้างแบบจำลอง

Problem-based Learning มีขั้นตอนการเรียนรู้อย่างไรบ้าง

1. ระบุหัวข้อปัญหา 

ตั้งปัญหาจากประเด็นทางสังคม หรือสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ จะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรม หรืออะไรก็ได้ แต่ควรจะเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน เพื่อให้เด็กแสดงศักยภาพในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ รวมถึงคิดค้นแนวทางใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา เพราะวิธีแก้ไขแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ หรือยังไม่เคยมีใครคิดมาก่อน จากนั้นให้พวกเขาสำรวจและทำความเข้าใจปัญหาให้ละเอียด เผื่อจะมองเห็นโอกาสหรือช่องว่างของปัญหา

2. ค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง 

เด็ก ๆ ภายในกลุ่มได้วิเคราะห์ปัญหาร่วมกัน พิจารณาว่าสาเหตุคืออะไร หรือมีชุดความรู้อะไรที่สามารถนำมาใช้งานได้บ้าง โดยคุณครูอาจช่วยแนะนำแหล่งข้อมูลในการค้นหาคำตอบ คัดเลือกแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือได้ เช่น หนังสือ งานวิจัย การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ เป็นต้น และเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ แต่ละคนได้ลองค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตัวเอง

3. คิดค้นทฤษฎีในการแก้ไขปัญหา 

หลังจากที่นักเรียนแต่ละได้ค้นคว้าข้อมูลกันมาแล้ว ก็ให้เด็ก ๆ ได้ระดมความคิดเห็นและเสนอแนะแนวทางที่ตนศึกษามา ซึ่งไม่จำเป็นต้องสร้างแบบจำลองหรือทดลองลงมือแก้ไขปัญหาจริง แต่เขียนออกมาเป็นวิธีการ แผนงาน หรือทฤษฎีก็พอ 

4. นำเสนอต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น

เมื่อได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน อาจเล่าเป็นสมมติฐานว่าปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้อย่างไร ใช้ทฤษฎีหรือองค์ความรู้อะไรบ้างในการคิดค้นแนวทางแก้ไขปัญหา และรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน แลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน เพื่อนำข้อเสนอแนะมาพัฒนาการเรียนรู้ในอนาคตต่อไป

ตัวอย่างกิจกรรมสำหรับการเรียนรู้แบบ Problem-based Learning

Problem-based Learning มีตัวอย่างกิจกรรมและหัวข้อการเรียนรู้ ดังนี้

  • สร้างเมืองรักษ์โลก ให้เด็ก ๆ ร่วมกันลิสต์ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ คิดค้นวิธีการในการอนุรักษ์ทรัพยากร และช่วยกันทำให้โลกยั่งยืนยิ่งขึ้น อาจจะทำเป็นแผนงานว่าต้องเริ่มจากอะไร ต้องให้หน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือบ้าง เป็นต้น
  • วางแผน Road Trip คุณครูกำหนดจังหวัดหรือเมืองขึ้นมา และให้เด็ก ๆ ทำการวางแผนท่องเที่ยวภายในระยะเวลาที่กำหนดให้และปริมาณน้ำมันที่จำกัด เพื่อฝึกสกิลการวางแผนและการคำนวณทางคณิตศาสตร์
  • ดีไซน์แพ็กเกจใหม่ ให้เด็ก ๆ งัดทักษะความคิดสร้างสรรค์ออกมาใช้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โจทย์คือต้องดีไซน์ให้สวยงามและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงมีความแข็งแรงทนทาน เด็ก ๆ ต้องค้นหาความรู้เกี่ยวกับวัสดุ รูปแบบ ไปจนถึงคำบรรยายบนฉลากสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • คิดค้นบอร์ดเกม แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มคิดบอร์ดเกมสำหรับเด็กขึ้นมา โดยต้องระบุกติกา วิธีการเล่น การนับคะแนน บทบาทตัวละคร หรือเนื้อเรื่องขึ้นมา และอาจปิดท้ายกิจกรรมด้วยการผลัดกันเล่นเกมของเพื่อน ๆ ก็ได้
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ช่วยฝึกฝนการทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดี

Problem-based Learning มีประโยชน์อย่างไรต่อนักเรียน

“จุดเด่น” ของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน

  • ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเป็น Lifelong Learning เป็น 1 ในทักษะที่ได้จาก PBL เพราะการใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียนรู้ จะช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเด็ก เมื่อพวกเขาสงสัยก็จะยิ่งอยากหาคำตอบมากขึ้น ทำให้เด็ก ๆ รักการเรียนรู้และอยากค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ ตลอดเวลา
  • เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น เพราะหัวข้อการเรียนรู้อาจมาจากประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็น สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม ทำให้พวกเขาได้ค้นคว้าหาข้อมูลและข่าวสารในชีวิตประจำวัน มีแนวโน้มที่จะหันมาสนใจประเด็นรอบตัวมากขึ้นด้วย
  • ได้เรียนรู้เนื้อหาที่หลากหลาย Problem-based Learning จำเป็นต้องบูรณาการความรู้จากหลายสาขาเพื่อค้นหาคำตอบและวิธีแก้ไขปัญหา ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้หลากหลายวิชาไปพร้อม ๆ กัน และสามารถนำมาประยุกต์ได้อย่างถูกต้อง
  • เสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ นักเรียนได้ฝึกการแก้ไขปัญหาและการคิดวิเคราะห์ เพื่อตัดสินใจลงมือทำในทางที่ดีที่สุด รวมถึงได้ฝึกทักษะค้นคว้า วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมาใช้ในการทำงานจริง
  • รู้จักการทำงานกันเป็นทีม การเรียนรู้ที่มีปัญหาเป็นฐานส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนรู้แบบกลุ่ม ดังนั้น เด็ก ๆ จะต้องเรียนรู้วิธีการสื่อสารและการทำงานร่วมกันเพื่อน ๆ ในห้องเรียน ไปจนถึงการนำความคิดเห็นของแต่ละคนมาปรับใช้ และเรียนรู้การเป็นผู้ฟังที่ดี ช่วยพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำในอนาคตได้ด้วย
  • มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและทีมมากขึ้น นักเรียนแต่ละคนจะมีหน้าที่ในการค้นคว้าและวางแผนการทำงานของตัวเอง พวกเขาจะได้ฝึกฝนการบริหารเวลาและการทำงานอย่างไรไม่ให้กระทบเพื่อนในกลุ่ม 

“จุดอ่อน” ของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน

  • ใช้เวลาในการค้นคว้านาน เพราะนักเรียนต้องค้นคว้าหลายแขนงวิชา และหากเด็ก ๆ ต้องศึกษาความรู้ที่ไม่เคยเรียนมาก่อน ก็ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจมากขึ้น หรือถ้าแหล่งข้อมูลที่มีไม่เพียงพอกับที่ต้องการ ก็ต้องค้นหาข้อมูลเพิ่ม เป็นต้น
  • ไม่ได้เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็กทุกคน นักเรียนบางคนอาจไม่ถนัดในเชิงทฤษฎีแต่ถนัดเชิงปฏิบัติมากกว่า ทำให้เด็ก ๆ อาจรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่เต็มที่ และสนใจในตัวกิจกรรมน้อยกว่าเพื่อนคนอื่น
  • ไม่ตอบโจทย์กับการสอบวัดความรู้ เพราะ Problem-based Learning เน้นไปที่ทักษะการแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์และทำงานร่วมกับผู้อื่น จึงไม่เหมาะกับการนำความรู้ไปใช้ในการสอบแบบถาม-ตอบ หรือข้อสอบวัดความรู้หลังเรียน 

สรุป

เมื่อเทียบกับการเรียนรู้แบบ Traditional ที่คุณครูเป็นศูนย์กลางและทำหน้าที่เป็นผู้สอนเนื้อหา แต่เด็ก ๆ ไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วม ถือว่า Problem-based Learning เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้พัฒนา Soft Skill ที่จำเป็นต้องในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการแก้ไขปัญหา การสื่อสารร่วมกับเพื่อน ไปจนถึงการกล้าตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ที่มีปัญหาเป็นฐานต้องอาศัยทักษะของคุณครูด้วยเช่นกัน โดยต้องออกแบบโจทย์ให้สอดคล้องกับความสนใจของเด็ก เพื่อกระตุ้นให้พวกเขามีส่วนร่วมกับกิจกรรมอย่างเต็มที่

General Enquiries : +66 (0) 2668 6231