ช่วงเวลาปิดเทอมสำหรับเด็ก เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเรียน หรือการสอบอันหนักหน่วง ซึ่งระยะเวลาปิดเทอมแต่ละครั้งก็นานถึง 2 – 3 เดือนเลยทีเดียว เพื่อใช้เวลาที่แสนมีค่านี้ให้คุ้มที่สุด การหากิจกรรมปิดเทอมมาให้ลูกทำบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตความสามารถหรือความสนใจของลูก และผลักดันทักษะเหล่านี้ในช่วงปิดเทอม เพื่อให้เขาเรียนรู้และฝึกฝนได้อย่างเต็มที่ ทั้งช่วยแก้ความเบื่อและคลายเครียดไปพร้อมกัน 

Content Highlight

• กิจกรรมปิดเทอม ช่วยให้เด็ก ๆ ได้พักสมองจากการเรียน ฟื้นฟูพลังกายและพลังใจก่อนเข้าเรียนในเทอมถัดไป นอกจากนี้ การได้ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจทำให้ลูกได้พบปะเพื่อนใหม่ เสริมสร้างทักษะทางสังคมไปในตัว
• ถ้านึกไม่ออกว่าหากิจกรรมอะไรให้ลูกทำดี การเล่นกีฬาก็เป็นคำตอบที่ดี เพราะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเมื่อได้ขยับตัวก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และกระตือรือร้นมากขึ้น
• การฝึกทำอาหารหรืออบขนม ก็เป็นกิจกรรมปิดเทอมแนะนำ เพราะไม่ต้องออกนอกบ้านและช่วยฝึกความใจเย็นทางอ้อมได้ด้วย

กิจกรรมปิดเทอม ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกอย่างไรบ้าง

ก่อนจะไปมองหากิจกรรมที่น่าสนใจให้กับลูกน้อย มาดูกันก่อนว่า กิจกรรมปิดเทอมช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้อย่างไรบ้าง

• ฟื้นฟูสภาพจิตใจ การเรียนหนังสือปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจทำให้เด็กรู้สึกเครียดและกดดัน การที่พวกเขาได้ทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่ตัวเองสนใจ จะทำให้เขาผ่อนคลาย อารมณ์ดี และมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง เพราะได้ฟื้นฟูพลังก่อนเรียนในภาคการศึกษาถัดไป
• ร่างกายแข็งแรง การได้ทำกิจกรรมนอกบ้านที่ต้องออกไปกลางแจ้งหรือใช้พละกำลัง จะทำให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรง ใช้งานกล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ ดีกว่าการนอนอย่างเดียว ไม่ได้ขยับร่างกายส่วนไหนเลย เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคตได้
• ได้แรงบันดาลใจ กิจกรรมปิดเทอมอาจทำให้ลูกได้ค้นพบพรสวรรค์หรือความสามารถที่ไม่เคยรู้มาก่อน โดยช่วงปิดเทอมก็เป็นระยะเวลาที่เพียงพอให้พวกเขาได้ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วย
• พบปะสังคมใหม่ ๆ การได้ทำกิจกรรมปิดเทอม มีโอกาสที่เด็กจะได้เจอเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจร่วมกัน และสามารถพัฒนาความสัมพันธ์เป็นเพื่อนสนิทไปจนโต

แนะนำ 10 กิจกรรมปิดเทอมประจำปี 2568 ช่วยให้ลูกเวลาได้อย่างคุ้มค่า

ในยุคสมัยที่เด็กติดหน้าจอมือถือ คุณพ่อคุณแม่อาจกังวลถึงสุขภาพของเด็ก และอยากให้ลูกได้ออกไปเล่นหรือทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ แทนการจ้องโทรศัพท์ทั้งวัน บทความนี้เราจึงจะมาแนะนำ 10 กิจกรรมปิดเทอมที่สนุก และช่วยส่งเสริมทักษะทางสังคมอย่างรอบด้านให้ลูกของคุณ

1. การเล่นกีฬา

กีฬาถือเป็นกิจกรรมปิดเทอมยอดฮิตสำหรับเด็กทุกวัย เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรงและได้ขยับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ช่วยให้เด็กรู้จักร่างกายตัวเองว่าเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหน และเหมาะกับกีฬาประเภทไหน กระตุ้นการหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ช่วยให้เด็กอารมณ์ดี และเมื่อเด็ก ๆ ได้พบปะเพื่อน ๆ ที่ชอบเล่นกีฬาประเภทเดียวกัน ก็เป็นโอกาสดีในการฝึกฝนทักษะการเข้าสังคมและการสื่อสาร ไปจนถึงการรู้จักเคารพกติกาและยอมรับผลแพ้ชนะจากการแข่งขัน

• ว่ายน้ำ เป็นทั้งกีฬาและทักษะการในการเอาตัวรอด ช่วยให้ปอดแข็งแรงและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว
• ฟุตบอล ช่วยฝึกทักษะการเคลื่อนไหว ทั้งการวิ่ง การรับและการเตะลูกบอล ช่วยให้เด็กทรงตัวได้ดีและรู้จักการร่วมมือกับคนในทีม

2. การวาดรูป ระบายสี

เป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็ก ซึ่งทักษะเหล่านี้ช่วยต่อยอดการเรียนรู้ของเด็กจากการคิดค้นไอเดียใหม่ ๆ แบบนอกกรอบ เพราะศิลปะไม่มีขีดจำกัด จะคิดอะไรขึ้นมาก็ได้ ทำให้จินตนาการของพวกเขาจะถูกต่อยอดอย่างไม่สิ้นสุด การได้ระบายสีหรือขีดเขียนลงบนกระดาษก็ถือเป็นวิธีการคลายเครียดอย่างหนึ่ง ถือเป็นกิจกรรมปิดเทอมที่ทำได้ง่ายและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้ด้วย

• ทักษะในการวาดรูป ระบายสี ช่วยพัฒนาการทำโครงงานหรือโปรเจกต์ในแต่ละวิชาให้ออกมาสวยงาม และมีความสมจริงขึ้นมาได้
• มีรูปแบบกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การวาดรูปบนกระดาษ ระบายสีปูนพลาสเตอร์

3. การอ่านหนังสือ

จริงอยู่ว่าตลอดทั้งเทอมเด็ก ๆ ก็ต้องอ่านหนังสือมากมาย เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาและเตรียมความรู้ก่อนไปสอบ แต่เด็กบางคนอาจชื่นชอบการอ่านหนังสือ ผู้ปกครองก็ควรสนับสนุนนิสัยรักการอ่านของลูกอย่างเต็มที่ ซึ่งหนังสือที่เหมาะแก่การอ่านช่วงปิดเทอมก็มีหลากหลายแนว ได้แก่ การ์ตูน มังงะ หนังสือภาพ หรือวรรณกรรมแปลต่าง ๆ 

• การอ่านหนังสือ เป็นกิจกรรมปิดเทอมที่ไม่ได้ให้แค่ความรู้และสมาธิในการจดจ่อกับเนื้อหา แต่ยังส่งเสริมการเป็น Lifelong Learning ให้กับลูกได้เป็นอย่างดี
• หนังสือภาษาต่างประเทศ ช่วยฝึกทักษะการอ่านและช่วยให้เด็กรู้สึกคุ้นชิ้นกับภาษานั้น ๆ รวมถึงได้ค้นพบคลังคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ด้วย

4. เล่นบอร์ดเกม

หากลูกเป็นคนชอบเล่นเกม แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กที่ติดหน้าจอ การเล่นบอร์ดเกมก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ได้ทั้งความสนุกและสร้างเสียงหัวเราะร่วมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีเกมให้เลือกเล่นหลากหลาย จะเล่นแค่ 2 คนหรือ 10 คนก็ได้ นอกจากนี้ยังช่วยฝึกฝนทักษะการวางกลยุทธ์ แก้ไขปัญหา และรู้จักรับฟังความคิดเห็นเพื่อน ๆ ในทีมอีกด้วย

• Werewolf หรือเกมหมาป่า ช่วยฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์และวางแผนเพื่อให้ฝั่งของตัวเองชนะ
• บอร์ดเกมช่วยฝึกฝนการควบคุมอารมณ์ พอใจกับผลลัพธ์หลังเล่นเกม ไม่หงุดหงิดหรือพาลคนอื่นเมื่อแพ้

5. เรียนภาษาที่ 3

คุณพ่อคุณแม่ที่มองเห็นความสามารถทางภาษาของลูก และถ้าตัวเด็กมีความสนใจอยากเรียนรู้ภาษาที่ 3 เพิ่มเติม ช่วงปิดเทอมเป็นโอกาสทองในการลงเรียนคอร์สภาษาต่าง ๆ เพราะเด็กยิ่งเรียนภาษาใหม่ ๆ เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งจะจดจำและออกเสียงได้ดีเท่านั้น เนื่องจากสมองของเด็กสามารถรับความรู้แปลกใหม่และประมวลผลออกมาได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ 

• วิธีการเรียนภาษาที่ 3 มีให้เลือกหลากหลายทาง ทั้งการไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ฝึกฝนผ่านการดูยูทูบ หรือใช้แอปพลิเคชันสอนภาษา เช่น Duolingo
• ภาษาที่ 3 ที่นิยมเรียนรู้ในปัจจุบัน ได้แก่ ภาษาจีน ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น

6. ร้องเพลงและเล่นดนตรี

ถ้าลูกของคุณเป็นเด็กที่ชอบจับไมค์และร้องเพลงต่าง ๆ ควรพาลูกไปลงเรียนคอร์สร้องเพลง เพื่อช่วยให้การออกเสียง เปล่งพลังเสียง และรู้จักแนวเพลงที่เหมาะกับเนื้อเสียงของตัวเอง เพราะการร้องเพลงเป็นกิจกรรมปิดเทอมที่ช่วยคลายเครียด และสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ฟัง หรือจะลองให้ลูกเล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน จะทำให้เด็กมีความจำเป็นเลิศและได้งานอดิเรกใหม่ ๆ คลายเครียดจากการเรียน

• การร้องเพลง ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง เพราะได้ฝึกฝนวิธีการหายใจและได้ทักษะการแยกแยะเสียงโทนต่าง ๆ ด้วย
• การเล่นดนตรี ช่วยฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม ประสานการเล่นเครื่องดนตรีให้ตรงทำนองและเข้ากับเพื่อน ๆ ในวง

7. การเต้นประกอบจังหวะ

การเต้นเพลงสนุก ๆ ช่วยทำให้เด็กได้ขยับร่างกายไปมา เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มีความยืดหยุ่น จะเป็นเพลง T-POP หรือ K-POP ที่มีท่าเต้นอยู่แล้ว หรือออกแบบท่าเต้นขึ้นมาใหม่เองก็ได้ ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝีกความร่วมมือของร่างกายแต่ละส่วน ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น 

• สามารถฟอร์มทีมร่วมกับเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบวงหรือสไตล์การเต้นเหมือนกัน เพื่อเต้นด้วยกันเป็นงานอดิเรกหรืออัดคลิปสนุก ๆ ก็ได้
• ผู้ปกครองสามารถส่งลูกไปเข้าแข่งขันรายการต่าง ๆ เพื่อให้เด็กกล้าแสดงออกและเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง

8. ฝึกทำอาหาร

สำหรับพ่อแม่ที่อยากหากิจกรรมปิดเทอมง่าย ๆ ให้ลูกทำที่บ้าน การทำอาหารและอบขนมก็เป็นกิจกรรมที่ทำได้เลยในห้องครัว และผู้ปกครองก็สามารถประกอบอาหารร่วมกับลูกได้ด้วย อีกทั้ง ต้องคอยระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์ครัวต่าง ๆ เพราะเด็กอาจได้รับบาดเจ็บจากการใช้มีด หรือสัมผัสกับของร้อน 

• การทำขนม ต้องอาศัยการชั่ง ตวง วัดส่วนผสมต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามอัตราส่วน เด็ก ๆ จะได้ฝึกฝนการทำสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับด้วย
• การทำอาหารด้วยตัวเอง จะทำให้เด็กใจเย็นและมีความอดทนในการประกอบอาหารให้เสร็จ

9. ทำงานฝีมือ

ความสามารถในการทำงานฝีมือเป็นทักษะที่หาได้ยากในปัจจุบัน แต่เป็นสกิลที่เหมาะกับการฝึกฝนสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็กมาก ๆ รวมถึงสามารถนำงานฝีมือเหล่านี้ไปต่อยอดสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงปิดเทอมได้ด้วย 

• ตัวอย่างงานฝีมือที่เด็ก ๆ สามารถทำได้ เช่น ร้อยลูกปัด วาดลวดลายบนกระเป๋าผ้า การทำเปเปอร์มาเช่ หรือการปั้นเซรามิก 
• งานฝีมือช่วยฝึกการโฟกัสกับสิ่งต่าง ๆ ตรงหน้า ทำให้เด็กรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เหมือนใครและมีชิ้นเดียวในโลก

10. ทำกิจกรรมจิตอาสา

กิจกรรมปิดเทอมสุดท้ายของบทความนี้คือ การพาลูกไปทำกิจกรรมอาสา ไม่ว่าจะบริจาคสิ่งของให้คนยากไร้ ปลูกป่า หรือเก็บขยะ จะทำกันเองในครอบครัวหรือไปเข้าร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ก็ได้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก คอยสอนถึงความสำคัญของการแบ่งปันสิ่งของให้กับผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน

• การทำจิตอาสา ช่วยให้เด็กเข้าใจประเด็นและปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ส่งเสริมการเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) พร้อมที่จะผลักดันสังคมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
• การรู้จักแบ่งปันเป็นทักษะทางสังคมที่ได้จากการทำจิตอาสา ช่วยให้ลูกเป็นเด็กที่มีน้ำใจและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ๆ ในห้อง

สรุป

นอกจากกิจกรรมปิดเทอมทั้งหมดที่เราได้แนะนำกันไปในบทความนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูก ๆ ไปเปิดประสบการณ์ ด้วยการพาไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างสวนสัตว์หรืออควาเรียม เด็กจะได้เปิดหูเปิดตาและเติมความรู้ใหม่ ๆ ที่ไม่ได้สอนในห้องสี่เหลี่ยม รวมถึงได้ชาร์จพลังให้เต็มที่ก่อนเปิดเทอม ช่วยให้ระยะเวลา 2 -3 เดือนนี้ไม่น่าเบื่อ และมีความหมายกับเด็ก ๆ มากยิ่งขึ้น